เครื่องดื่มกับชาวออฟฟิศเป็นของคู่กัน แต่การสั่งเครื่องดื่ม จะหวาน 0% หรือหวาน 100% มีผลต่อสุขภาพช่องปากต่างกันอย่างไร แล้วจะเลือกเครื่องดื่มยังไง ให้ไม่ทำลายสุขภาพช่องปาก
ชาวออฟฟิศทำงานกันเหนื่อยและเครียดจึงนิยมหาเครื่องดื่มที่จะทำให้รู้สึกสดชื่นในระหว่างการทำงาน หรือในระหว่างวัน บางคนยิ่งหวานมากยิ่งทำให้รู้สึกคลายความเครียดและมีความสุขมาก
ผลจากงานวิจัยพบว่าการบริโภคน้ำตาลสามารถลดความเครียดและทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายขณะดื่มได้จริง แต่มีผลเพียงชั่วคราว สิ่งที่ตามมาคือน้ำตาลที่ได้รับในแต่ละวันอาจจะมากเกินความจำเป็นทำให้เราน้ำหนักขึ้นได้ง่าย นอกจากนี้น้ำตาลที่อยู่ในเครื่องดื่มยังส่งผลต่อการเกิดโรคฟันผุอีกด้วย น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลซูโครสเป็นแหล่งอาหารของเชื้อจุลินทรีย์ในช่องปากให้สร้างกรด ซึ่งกรดนี้จะทำให้แร่ธาตุของฟันเกิดการละลายตัว หรือเกิดโรคฟันผุนั่นเอง ปัจจุบันร้านเครื่องดื่มหลายร้านได้เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเลือกความหวานได้ตั้งแต่หวาน 0 ถึงหวาน 100 ซึ่งความหวานในแต่ละระดับจะส่งผลต่อสุขภาพช่องปากได้แตกต่างกัน เราจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำตาลที่อยู่ในเครื่องดื่ม ดังนี้
1. ระดับความหวาน
ระดับความหวาน ยิ่งมาก (ปริมาณน้ำตาลยิ่งมาก) ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันผุมาก ดังนั้นควรเลือกระดับน้ำตาลที่น้อยลง ยิ่งน้อยมากจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคฟันผุได้มาก
2. ความถี่ในการดื่ม
ความถี่ในการดื่มยิ่งดื่มบ่อยมากเท่าไหร่ ก็จะเกิดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันผุได้มาก และไม่ควรเลือกดื่มระหว่างมื้ออาหาร เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์ในช่องปากจะใช้อาหารในการผลิตกรดออกมาได้ตลอดเวลา แร่ธาตุในฟันก็จะเกิดการละลายตัวตลอดเวลาเช่นกัน ดังนั้น ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มในระหว่างมื้ออาหาร แนะนำให้ดื่มร่วมกันไปในมื้ออาหาร
3. ชนิดของน้ำตาล
ชนิดของน้ำตาลก็มีส่วนทำให้เกิดความเสี่ยงของโรคฟันผุที่แตกต่างกัน โดยน้ำตาลที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันผุเรียงตามลำดับจากเสี่ยงมากที่สุดไปต่ำที่สุด ดังนี้ น้ำตาลทราย > น้ำตาลกลูโคส, น้ำตาลฟรุกโตส (ส่วนใหญ่อยู่ในน้ำผึ้งและผลไม้) > น้ำตาลแลคโตส (ส่วนใหญ่อยู่ในนม) ดังนั้น เมื่อเราดื่มน้ำผลไม้ 100% หรือดื่มนมรสจืด โดยไม่มีการเติมน้ำตาลเพิ่มเติม เราก็ได้รับปริมาณน้ำตาลที่ก่อให้เกิดโรคฟันผุได้เช่นกัน ยังมีน้ำตาลอีกกลุ่มที่ให้ความหวานแต่ไม่ก่อให้เกิดโรคฟันผุ ได้แก่ น้ำตาลอัลกอฮอล์ (เช่น น้ำตาลไซลิทอล ซอร์บิทอล แมนนิทอล) และสารให้ความหวาน (เช่น แอสปาแตม แซคคาริน อะซีซัลเฟม เค สารสกัดจากหญ้าหวาน น้ำตาลหล่อฮังก้วย)
การดื่มอย่างมีความสุขและมีสุขภาพช่องปากที่ดี เราสามารถเลือกได้ตั้งแต่วันนี้
ข้อมูลความรู้ทางทันตกรรมโดย
รศ.ทพญ.ดร.เกศกาญจน์ เกศวยุธ
อาจารย์ประจำภาควิชาชีวเคมี
คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กลับไปที่หน้าหลัก
ความรู้ทางทันตกรรม