เผลอกัดของแข็ง อาหารแข็ง จนฟันบิ่นหรือแตก จะสามารถแก้ได้หรือไม่ ฟันแตกขนาดไหนที่ไม่สามารถรักษาได้?!?
การที่ฟันบิ่นหรือแตกจากการเผลอกัดของแข็งนั้นเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถรักษาได้ โดยแนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ขนาด และระดับความรุนแรงของความเสียหายของฟัน ดังนี้
- รอยบิ่นหรือขอบฟันไม่เรียบเล็กน้อย: หากฟันมีเพียงรอยบิ่นเล็ก ๆ หรือขอบฟันหยาบๆ ทันตแพทย์อาจใช้ การปรับแต่งรูปฟัน (recontouring) เพื่อทำให้ฟันเรียบเนียนและสวยงามขึ้นได้
- ฟันแตกเป็นชิ้นเล็กๆ: หากฟันแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่ลึกถึงเนื้อในฟัน (dentin) ทันตแพทย์อาจใช้วิธีการบูรณะด้วยวัสดุฟันสีเหมือนฟัน (composite resin) อุดซ่อมแซมส่วนที่แตกให้กลับมามีรูปร่างและสีใกล้เคียงฟันธรรมชาติ
- ฟันแตกหรือร้าวลึกถึงเนื้อในฟัน (dentin) แต่ไม่ถึงโพรงประสาทฟัน: สำหรับการแตกหักที่รุนแรงขึ้น เช่น ปุ่มฟันหัก (cuspal fractures) หรือมีการร้าวลึกถึงเนื้อฟัน แต่ยังไม่กระทบโพรงประสาทฟัน ทันตแพทย์อาจพิจารณาใช้ การบูรณะฟันแบบออนเลย์ (onlay) ซึ่งเป็นการบูรณะที่ครอบคลุมพื้นผิวบดเคี้ยวเพื่อให้ได้รูปร่างและเสริมสร้างความแข็งแรง
- ฟันแตกหรือร้าวลึกถึงโพรงประสาทฟัน (pulp): ในกรณีที่การแตกหักลึกถึงหรือใกล้โพรงประสาทฟัน หากฟันไม่มีชีวิตแล้วอาจจำเป็นต้องรักษาคลองรากฟัน (Root canal treatment) หรือหากฟันยังมีชีวิต อาจการรักษาเพื่อปกป้องโพรงประสาทฟัน เช่น การปิดแผลเนื้อเยื่อใน (pulp capping) ซึ่งเป็นการรักษาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น และอาจมีการบูรณะด้วยการทำ ครอบฟัน (crown) เพื่อปกป้องโครงสร้างฟันที่เหลือและลดโอกาสการลุกลามของรอยร้าว
- ฟันที่อ่อนแอมากจากฟันผุหรืออุดขนาดใหญ่: ในฟันที่อ่อนแออย่างมากจากการผุหรือเคยอุดมาขนาดใหญ่ การทำ ออนเลย์ หรือ ครอบฟัน สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของฟันและป้องกันการแตกหักเพิ่มเติมได้
ฟันแตกขนาดไหนที่ไม่สามารถรักษาได้
การแตกหักที่รุนแรงจนไม่เหลือโครงสร้างฟันให้ยึดติด หรือฟันที่แตกแล้วพบฟันผุหรือวัสดุอุดขนาดใหญ่มากๆ: แม้ว่าทันตแพทย์จะพยายามรักษาด้วยวิธีที่ซับซ้อน เช่น การใช้เดือยฟัน (posts) หรือวัสดุเสริมแกนฟัน (cores) แต่หากโครงสร้างฟันที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอที่จะรองรับการบูรณะ ฟันนั้นก็อาจไม่สามารถรักษาไว้ได้ ทำให้หากบูรณะไปแล้ว ตัวฟันจะมีอายุการใช้งานที่สั้นและอาจไม่คุ้มค่าในการรักษา
วิธีการดูแลฟัน หลังทำการรักษาฟันแตก
หลังจากการรักษาฟันที่แตกบิ่นหรือแตกหัก การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผลการรักษายาวนานและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้
- รักษาสุขอนามัยช่องปากอย่างเคร่งครัด: แปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้งและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ เพื่อกำจัดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ ซึ่งจะช่วยป้องกันฟันผุซ้ำ (recurrent caries) และปัญหาสุขภาพเหงือก
- ระมัดระวังการบดเคี้ยวอาหาร: หลีกเลี่ยงหรือลดความถี่ของการกัดหรือเคี้ยวอาหารแข็งมาก เหนียวมาก เช่นถั่ว, น้ำแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณฟันที่ได้รับการรักษามาแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันแตกหักซ้ำหรือเกิดความเสียหายต่อวัสดุบูรณะ
- พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันตามนัด: การตรวจเช็คฟันตามกำหนดจะช่วยให้ทันตแพทย์สามารถ ประเมินสภาพของฟันที่ได้รับการรักษาและวัสดุบูรณะ รวมถึงตรวจพบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้ฟลูออไรด์ ตามคำแนะนำของทันตแพทย์: ในบางกรณี ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพิ่มเติมนอกเหนือจากยาสีฟัน เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของฟัน และส่งเสริมกระบวนการคืนแร่ธาตุให้กับฟัน
การดูแลฟันอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะช่วยให้ฟันที่ได้รับการรักษาคงสภาพที่ดีและใช้งานได้อย่างยาวนาน
ข้อมูลความรู้ทางทันตกรรมโดย
อ.ทพ.ณัฐนันท์ โพธิ์เอี่ยม
อาจารย์สังกัดฝ่ายวิชาการและภาควิชาทันตกรรมหัตการ
คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กลับไปที่หน้าหลัก
ความรู้ทางทันตกรรม