ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการเคี้ยวอาหาร จะส่งผลต่อสุขภาพช่องปากอย่างไรบ้าง และวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ที่มีปัญหานี้ต้องดูแลสุขภาพช่องปากอย่างไร?
ปัญหาการเคี้ยวอาหารในผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่พบบ่อยและมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพโดยรวม สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้สูงอายุมีปัญหาการเคี้ยวอาหารมาจากหลายปัจจัย ได้แก่
- การสูญเสียฟัน:
เมื่อไม่มีฟันหรือมีฟันเหลืออยู่น้อย ทำให้ประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหารลดลงอย่างมาก - โรคปริทันต์ (โรคเหงือก):
โรคนี้ทำให้กระดูกรอบรากฟันถูกทำลาย ฟันจึงโยกคลอนและไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ - ฟันผุและรากฟันผุ:
เมื่อฟันผุเป็นรูลึกจะทำให้เกิดอาการเสียวฟันหรือปวดฟัน ทำให้ไม่อยากใช้ฟันซี่นั้นเคี้ยวอาหาร - การใส่ฟันปลอมที่ไม่เหมาะสม ฟันปลอมที่หลวมหรือมีขนาดไม่พอดีจะทำให้เกิดอาการเจ็บเหงือก ทำให้ไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ภาวะน้ำลายแห้ง (Xerostomia) น้ำลายมีบทบาทสำคัญในการหล่อลื่นและชะล้างเศษอาหาร เมื่อมีภาวะน้ำลายแห้งจะทำให้การเคี้ยวและกลืนลำบากขึ้น
- โรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคทางระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยวทำงานได้ไม่ปกติ
ปัญหาการเคี้ยวอาหารส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุในหลายมิติ:
- การสะสมของเศษอาหาร เมื่อเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด ทำให้มีเศษอาหารขนาดใหญ่ติดค้างตามซอกฟันและฟันปลอมได้ง่ายขึ้น เป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุและโรคเหงือก
- การใช้งานฟันไม่สมดุล ผู้สูงอายุบางรายอาจเลือกเคี้ยวอาหารข้างที่ไม่มีปัญหา ทำให้ฟันข้างเดียวถูกใช้งานหนักเกินไปจนเกิดการสึกหรอ และยังส่งผลต่อข้อต่อขากรรไกรในระยะยาว
- ผลกระทบต่อระบบย่อยอาหาร เมื่อเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด ทำให้เกิดภาวะท้องอืด ท้องเฟ้อได้ง่าย และส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายโดยรวม
การดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาการเคี้ยวอาหาร ควรเน้นการฟื้นฟูและป้องกันควบคู่กันไป ดังนี้
- การทำความสะอาดช่องปากที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ
- แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์
- ใช้ไหมขัดฟัน เพื่อทำความสะอาดซอกฟันที่แปรงเข้าไม่ถึง
- การดูแลฟันปลอมถอด
- ฟันปลอมทุกคืน
- ทำความสะอาดฟันปลอมทุกวัน
- แช่ฟันปลอมในภาชนะที่สะอาด
- การเลือกชนิดของอาหาร
- เลือกอาหารอ่อนนุ่ม ที่ไม่ต้องใช้แรงเคี้ยวมาก เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ปลา เนื้อสัตว์สับละเอียด ผักต้มเปื่อย และผลไม้ที่ไม่แข็ง
- หั่นอาหารเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อช่วยลดภาระในการเคี้ยว
- หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง กรอบ เหนียว เช่น ถั่ว ข้าวเหนียว ขนมขบเคี้ยวที่แข็ง
- การพบทันตแพทย์เป็นประจำ
- ตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน เพื่อตรวจหาปัญหาฟันผุ โรคเหงือก หรือปัญหาของฟันปลอม
- รับคำแนะนำการรักษาที่เหมาะสม เช่น การอุดฟัน การรักษารากฟัน การใส่ฟันปลอมใหม่ หรือการรักษาด้วยรากฟันเทียม เพื่อฟื้นฟูความสามารถในการบดเคี้ยว
ข้อมูลความรู้ทางทันตกรรมโดย
ผศ.ทพ.ดร.ณภัทร นะลำเลียง
อาจารย์ประจำภาควิชาทันตกรรมบดเคี้ยว
คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กลับไปที่หน้าหลัก
ความรู้ทางทันตกรรม